photo by

Photo by WATCHARIN SANOI

Mar 24, 2010

ญี่ปุ่นในสายตาผม... (ตอนที่ 1)

หลังจากกลับมาจากญี่ปุ่นก็วุ่นวายเรื่องการย้ายที่อยู่ต่อทันที แทบจะไม่มีเวลามานั่งอัพบลอคเลยครับ
จริงๆมีหลายอย่างมากๆที่ผมอยากระบาย อยากแชร์ให้กับคนอ่าน ได้ทราบถึงมุมมองของผม หลังจากได้ไป ฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่นมาว่าเป็นอย่างไรบ้าง

สิ่งแรกสุดเลยก็คือ ผมคิดว่าผมโชคดีมากที่ทัวร์ครั้งนี้ พาผมไปที่ฟุกุโอกะ
ฟุกุโอกะ เป็นเมืองที่เจริญครับ แต่ยังไม่วุ่นวายเท่าพวกเกียวโต โตเกียวอะไรเทือกนั้น
คือ มีความเจริญซึ่งแอบแฝงไว้ด้วยความเงียบสงบ และวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นอย่างเหนียวแน่น
ผมชอบ เพราะมันดูไม่วุ่นวายครับ เมืองเจริญแต่เงียบและยังเต็มไปด้วยหนุ่มๆสาวๆทั้งนั้น
:D


ไม่ได้มีแต่เมืองฟุกุโอกะอย่างเดียวครับที่ผมไป...
เปปปุ (Beppu) เป็นอีกเมืองนึงที่ได้ไปเยือนในวันถัดมา และผมว่าเมืองนี้แหละคือเมืองในฝันของผม ถ้ามีโอกาสจริง ผมอยากจะย้ายมาอยู่ที่เมืองนี้เลยด้วยซ้ำ ;)

เปปปุ เป็นเมืองน้ำพุร้อนครับ ทั่วทั้งเมืองจะมีบ่อน้ำร้อนออนเซ็นกันแทบทุกบ้าน
หัวหน้าทัวร์บอกผมว่า ในบริเวณรอบๆเมืองนี้ไม่ว่าจะตรงไหน ถ้าเราขุดลงไปใต้ดินก็จะเจอน้ำพุร้อนทันที
นั่นทำให้บ้านเรือนในเมืองนี้ดูแปลกหูแปลกตาไป
เพราะทุกบ้านจะมีปล่องไว้ปล่อยควันจากน้ำพุร้อนกันแทบทุกบ้าน
เมืองเปปปุนี่แม้แต่คนญี่ปุ่นเองยังชอบมาเที่ยวเลยครับ ผมมีโอกาสได้ไปออนเซ็นกับเค้าด้วย
...
...
ใช่ครับ ต้องแก้ผ้าหมดเลย ^^"
ยังไงเราไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว ในเมื่อคนอื่นเค้าล่อนจ้อนกันหมด จะกลัวไปทำไมครับจริงไหม
(หน้าด้านจริงๆผม :P )


ผมชอบวัฒนธรรมการอาบน้ำสาธารณของญี่ปุ่นนะครับ มีความรู้สึกว่ามันได้ทั้งสุขภาพ ผ่อนคลาย และสังคมไปด้วยในตัว
เพราะน้ำที่เราลงไปแช่นั้นมีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเยอะมาก
คนญี่ปุ่นกล่าวว่า
"ถ้าเราแช่น้ำแร่ออนเซ็นเป็นเวลา 1 ชั่วโมงทุกวันๆ เราจะอายุยืนยาวขึ้นอีก 3 ปี"
(ผมแช่ชั่วโมงครึ่งเช้าเย็น เป็นเวลา 3 วัน จะอายุยืนขึ้นไปอีกกี่นาทีเนี่ย :D )
ปกติการไปอาบน้ำร่วมกันของคนญี่ปุ่นแทบจะไม่ต่างจากการที่เราไปนั่งห้องนั่งเล่นแล้วนั่งคุยกันเลยครับ เพราะระหว่างแช่เราก็เม้าท์กันอย่างออกรสออกชาติไม่มีแบ่งคนไทย-ญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว
ยิ่งในห้องซาวน่าที่ผมไปเข้า อุณหภูมิภายในห้อง 98 องศา แต่ก็มีทีวีช่องกีฬาเปิดอยู่ในห้องด้วย เห็นคนญี่ปุ่นเข้าไปนั่งเชียร์เบสบอลกันอยู่ในนั้น ^^"
(TV ยี่ห้ออะไรก็ไม่ได้ดูมาด้วย ทนอุณหภูมิสูง 98 องศาได้สบายๆ :D )

สิ่งหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือเรื่องอาหารการกินครับ
อย่างที่รู้ๆกันอาหารญี่ปุ่นนั้นเป็นยังไง
ผมเป็นคนชอบทานอาหารญี่ปุ่นมาก... แต่ก็ดันไม่ชอบทานปลาดิบซะงั้น
เหมือนไกต์จะรู้แนวผมหรืออย่างไรไม่ทราบร้านที่พาไปทานเลยเป็นอาหารชุดที่ไม่ค่อยจะเน้นไปทางปลาดิบ หรือไม่ก็เป็นบุฟเฟ่ไปเลยซะส่วนใหญ่
ไม่ชอบอะไรก็ไม่ต้องหยิบให้เปลืองของ เหมาะกับลูกทัวร์แนวจับกังอย่างผมเป็นที่สุด :D


รสชาติอาการส่วนมากแทบไม่ต่างกับในประเทศไทยครับ
เครื่องปรุงที่ให้ไว้บางอย่างยี่ห้อเดียวกับในไทยด้วยซ้ำ >.<
แต่สิ่งหนึ่งที่แตกต่างก็คือเรื่องความสดของอาหารครับ
กฎหมายญี่ปุ่นเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภคนั้นถือว่าเคร่งครัดมาก ไม่มีทางที่เราจะเดินไปซื้อปลาหมึกย่างร้านข้างทางแล้วลักษณะจะออกมาเปื่อยๆยุ่ยๆเหมือนกระดาษปิ้งครับ
เค้ารับประกันกันเลยทีเดียวว่าความสดของอาหารข้างทางนั้นสดเท่ากับภัตราคารหรูๆทุกประการ
เพียงแต่ราคาที่ภัตราคารหรูแพงกว่าเนื่องจากค่าบริการ บรรยากาศ และอาหารแปลกๆเยอะกว่านั่นเอง
ผมไปทานปลาหมึกย่างกับซาบะเผาราดซอสเทอริยากิร้านข้างทาง บอกได้เลยว่าในไทยไม่มีทางหาร้านข้างทางแล้วเนื้อปลาเนื้อปลาหมึกสดอย่างนี้ได้แน่ๆ
:D

เทคโนโลยีทั้งหลายที่ใครหลายๆคนบอกว่าที่ญี่ปุ่นนั้นถูกแสนถูก ก็เป็นจริงดังนั้นครับ
แต่แท้จริงแล้วมันมีเบื้องหลังอยู่นะครับ
คุณโน้ส อุดม เคยกล่าวเอาไว้ว่าไม่เคยมีชาติใดในโลกที่ออกมาโปรโมทเรื่องให้ภูมิใจในความเป็นชาติของตัวเองเหมือนชาติไทย
ญี่ปุ่นนี่แหละครับที่เค้าภูมิใจในความเป็นยุ่นของตัวเอง เพียงแต่ว่าเค้าไม่ต้องมีโครงการ ไม่ต้องมีการอนุรักษ์การป่าวประกาศเหมือนของเรา
โทรศัพท์มือถือ ที่ว่าถูกแสนถูกนั้น อย่างแบรนด์ NTT DoCoMo ที่ผมไปดูมาเครื่องละ 300 เยน ตีเป็นเงินไทยก็ ยังไม่ถึง 100 บาทเลยครับ แต่ติดสัญญากับทางเครือข่าย 2 ปีนะ แต่ผมก็ถือว่าถูกอยู่ดี เพราะ iPhone ที่วางขายอยู่ข้างๆขายในราคา 25,000 เยน ติดสัญญา 2 ปีเช่นกัน...
(แล้ว iPhone มันจะรอดเรอะนั่น -_-" )


รถคันข้างบนน่ารักไหมครับ ^^
Nissan Micra เป็นรถที่ผมชอบมากๆตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น
ผมว่าถ้า Nissan Thailan นำ Nissan Micra คันนี้เข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการนะ สาวๆในไทยจะขับ Nisaan Micro กัน 90% แน่นอน
อย่างรถยนต์นี่ก็ชัดมากๆครับในเรื่องความเป็นญี่ปุ๊นญี่ปุ่น
คนญี่ปุ่นจะมีความน่ารักที่เราเรียกกันว่าคิกขุอยู่ในตัวทุกคนทุกเพศทุกวัยไม่เว้นแม้แต่สิ่งของที่เค้าออกแบบกันมาจะมีสิ่งนี้เจือปนเข้าไปด้วย
ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมรถยุโรปถึงขายในญี่ปุ่นไม่ค่อยออก เพราะทางนั้นเค้าไปเน้นทางด้านเท่ ดูดี มีสไตล์กันซะมากกว่า
รถยนต์ในญี่ปุ่นถูกมากๆครับ แต่ละคันแทบจะไม่มีคันไหนถึง 100,000 บาทไทย
เพราะกฎหมายของเค้าบังคับให้เปลี่ยนรถทุกๆ 5 ปี โดยใน 5 ปีนั้นภาษีรถยนต์จะถูกมากๆ แต่ถ้าเลย 5 ปีไปแล้วจะใช้รถต่อไปก็ได้นะครับ แต่ภาษีจะแพงขึ้นเป็น 2 เท่าเลยทีเดียว
เป็นอีก 1 แนวคิดที่เอาไว้ส่งเสริมกิจการรถยนต์ และเศรษฐกิจในประเทศได้เยี่ยมยอดมากๆ
[คนญี่ปุ่นชอบรถแบบญี่ปุน -> ซื้อรถแบรนด์ญี่ปุ่น -> 5 ปีเปลี่ยนใหม่ -> ซื้อแบรนด์ญี่ปุ่น]
กลายเป็นวงจรทางเศรษญกิจที่แข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ

ผมเขียนไปเขียนมาชักจะมันส์มือ กลัวว่าจะเยอะเกินไป ขอยกยอดไปต่อใน entry หน้านะครับ
;)

No comments:

Post a Comment